“หาเงินได้มากแค่ไหน ก็แก้นิสัยใช้จ่ายเกินตัวไม่ได้” วันนี้ทีมงาน WikiFX
รวบรวมการเลือกลงทุนใน Forex
ที่สามารถทำให้นิสัยการใช้เงินพาชีวิตเข้าไปสู่กับปัญหา รวมเรียกมันว่า “ 7
อุปนิสัยสู่ความยากจน ”To get more news about
ลงทุน Forex, you can visit wikifx.com official website.
หลายคนชอบเรียกนิสัยนี้ว่า ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ผมว่าไม่ใช่นะ
เอาเข้าจริงๆคนเราสามรถใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกันได้บ้าง
จริงอยู่ที่ว่าเราควรหัดแยก ความจำเป็น และความต้องการ
แต่เราจะใช้เงินไปกับสิ่งที่จำเป็นอย่างเดียวก็คงจะไม่ใช่ ตัวอย่างเช่น
ต้องการนำเงินไปลงทุนกับโครงการที่เพื่อนแนะนำมา
หวังว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีตามคาดแต่สุดท้ายไม่ได้เป็นไปตามคาด
เงินที่เหลือหมุนใช้ในชีวิตไม่เพียงพออีก ดังนั้น
คนเราฟุ่มเฟือยได้บ้างแต่สำคัญต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนนำเงินไปลงทุนให้ดีด้วยครับ
พาชีวิตจมกองหนี้
การใช้จ่ายเกินตัว ถ้าไม่รีบปรับรีบแก้ มันจะพาชีวิตเราก้าวเข้าสู่ภาวะ “
หนี้ท่วมหัว ” เพราะเมื่อใช้ไม่พอก็ต้องหยิบยืมและถ้าหยิบยืมหนี้ที่เป็น
หนีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ผ่อนของ แชร์ หรือเงินกู้สหกรณ์มาใช้กิน
ตัวอย่างเช่น เพื่อนชักชวนให้ไปลงทุนด้วย
แถมการันตรีเราว่าลงทุนไม่กี่เดือนได้เงินต้นคืนแล้ว ด้วยความโลภของคน
ไปกดบัตรกดเงินสดมาใช้ก่อน สุดท้ายไม่เป็นไปตามที่คาด โดนโกงเงินลงทุน
เงินก็ไม่ได้คืน แถมยังเป็นหนี้บัตรกดเงินสดอีก
เพราะการเป็นหนี้เหมือนตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่และมันจะบ้ามาก
ถ้าตัวคุณเองอยู่ในหลุมแล้วยังทะลึ่งขุดหลุมให้ลึกลงทุกวัน ดังนั้น
หยุดขุดหลุมเสีย แล้วมาหาทางออกไปด้วยกันครับ
คนที่การเงินแย่ มักมีพฤติกรรมการเงินที่ไร้ระเบียบ เช่น ไม่ทำงบการเงิน
ไม่จดบัญชี ผิดนัดจ่ายบิล จ่ายหนี้ ฯลฯ
เงินจะอยู่กับคนที่ใส่ใจมันและจะรั่วไหลจากคนที่ละเลย
และถ้าหากหูเบาไปกับคำเชิญชวนให้นำเงินไปลงทุน จะได้ปันผลอย่างนั้นอย่างนี้
มีแต่แย่กับแย่แน่ๆครับ ถ้าอยากจัดการเงินให้ได้เริ่มต้นง่ายๆ
ด้วยการจัดการจากระเบียบวินัยเล็กๆ
และตรวจเช็คข้อมูลการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุนให้ดี ที่แอป WikiFX
ตรวจเช็คได้สะดวกสบายมากครับ
บริษัทที่มั่นคงประกอบกิจการได้ยาวนานนับสิบปียังต้องวางแผนการเงินเป็นประจำทุกปี
ทุกไตรมาส
แล้วกับคนที่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้องกับชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายจะไม่วางแผนการเงินได้อย่างไร
ยิ่งในเรื่องการลงทุนไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือ Forex
ควรมีการวางแผนในการลงทุนให้ดี
ตรวจสอบและเช็คข้อมูลของโครงการว่าเถื่อนหรือไม่
มีความเสี่ยงที่จะถูกโกงไหม
การมีแผนจัดการกับเงินและการลงทุนจะทำให้เงินอยู่ภายใต้ความควบคุมของเรา
ทำรายรับรายจ่ายล่วงหน้าจะทำให้เรารู้ว่าในเดือนหน้าและเดือนถัดๆไปเงินจะพอใช้หรือไม่
จะขาดหรือเกิน ก็อยู่ที่เราจัดสรรมันปันส่วนมันให้ดีนั้นเองครับ
ดูแคลนเงินออม
คนที่มีปัญหาเงินไม่ค่อยพอใช้
มักคิดว่ารอแก้หนี้ให้หมดก่อนแล้วค่อยออมเงิน
ซึ่งต้องบอกเลยว่าใครที่คิดวิธีนี้ถือว่าผิดมาก
เพราะการเลื่อนการเริ่มต้นออมเงินออกไปเรื่อยๆ
มันคือการเลื่อนโอกาสความมั่งคั่งของคุณออกไปด้วยเช่นกัน
แต่คุณก็ต้องระวังด้วยนะครับเพราะโบรกเกอร์โกงก็มักหลอกล่อ
ชวนให้คุณไปลงทุนออมเงินด้วย จะได้รับผลตอบแทนที่ดีเป็นที่พึ่งพอใจ
และไม่ว่าคุณจะออมเงินเองหรือออมกับใคร
ก็ต้องตรวจเช็คข้อมูลไว้ให้ดีด้วยครับ ดังที่เขาว่ากันว่า คนเราเริ่มเหลือ
ก็เริ่มรวย แต่ก็ต้องรวยแบบมีสติกันด้วยนะครับ
พูดกันตรงๆ คนที่ชีวิตการเงินสะเปะสะปะก็เพราะไม่มี “เป้าหมาย” นี่แหละครับ
เป้าหมายการเงินเป็นสิ่งผูกพันกับเป้าหมายชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะแทบทุกอย่างใรชีวิตของเรานั้นใช้เงินสนับสนุนแทบทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายการนำเงินไปลงทุนใน Forex
หากเราจริงจังกับมันมากจริงๆเป้าหมายจะนำไปสู่แผนการ
หรือวิธีการที่จะทำมันให้สำเร็จ
จงเริ่มต้นตั้งเป้าหมายและอย่าไปกลัวว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
เพราะชีวิตเรายังพอมีเวลาที่จะเรียนรู้อยู่เสมอครับ
ไม่ใส่ใจความรู้การเงิน
คนที่มีปัญหาทางการเงินหลายคนมักมีความเชื่อว่า
หาเงินได้เยอะๆเถอะน่าเดี๋ยวอะไรมันก็จะดีเอง
ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย “เงิน” มีเรื่องให้เราจัดการอยู่ 4
เรื่องใหญ่ๆคือ หา ใช้ ออม และลงทุนไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือ Forex
แต่ก็อย่าลืมว่าคนเราต้องเรียนรู้ที่จัดสรรปันส่วนการใช้เงินให้รอบครอบ
เพื่อใช้มันเป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จทางการเงินในแบบที่คุณมุ่งหวังและตั้งใจ
และแน่นอนว่าทุกเรื่องล้วนสำคัญกับชีวิตเราครับ
นี่ก็เป็นทั้ง 7 อุปนิสัยสู่ความยากจน ที่ทางทีมงาน WikiFX
เอามาเล่าสู่กันฟัง
ถ้าไม่อยากเป็นคนยากจนแค่ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้เงินก็สามารถเป็นคนรวยๆได้ไม่ยาก
แต่ไม่ว่าคุณจะจัดการจัดสรรปันส่วนกับการเงินของคุณเช่นไร จะเลือกเก็บออม
หรือเลือกลงทุนกับหุ้น Forex โครงการใดก็แล้วแต่นั้น ทางทีมงาน WikiFX
ขอให้ทุกท่านตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกลงทุน
เพราะโบรกเกอร์เถื่อน พร้อมที่จะหลอกล่อนักลงทุนแบบคุณ
สามารถตรวจเช็คข้อมูลโครงการ หรือข้อมูลโบรกเกอร์ได้ที่แอป WikiFX โหลดเลย
โหลดง่าย ตรวจเช็คฟรีด้วยนะครับ
รู้กันดีว่าการเทรด Forex โบรกเกอร์เป็นหัวใจสำคัญ
แต่ขณะเดียวกันก็เป็นปัญหาใหญ่ของตลาดด้วย
เพราะโบรกเกอร์เถื่อนนี่มีมากมายจริง ๆ
หลอกเทรดเดอร์ทุกมุมโลกจนเสียหายกันไปหมด
หลายคนก็บอกว่าอย่าไปยุ่งกับโบรกเกอร์เถื่อนจะดีที่สุด
แต่โบรกเกอร์เหล่านี้ก็สรรหาวิธีการมาตบตาเราจนแยกไม่ออกว่าอันไหนโบรกดี
โบรกไหนร้ายกันแน่ วันนี้ WikiFX จะพาทุกคนมาดูกันว่าโบรกเกอร์แย่ ๆ เนี่ย
จะต้องดูยังไงTo get more news about
โบรกเกอร์ Forex โกง, you can visit wikifx.com official website.
การตรวจสอบใบอนุญาต คือสิ่งแรกที่เทรดเดอร์ต้องทำอย่างปฏิเสธไม่ได้ รู้ ๆ
กันอยู่ว่าใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลเป็นสิ่งที่จะการันตีความปลอดภัยของการลงทุน
ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลคุณก็จะมีคนมาปกป้องดูแล
ถ้าโบรกไหนไม่มีใบอนุญาตละก็ ตีความได้เลยว่าเถื่อน หนีไป!
แต่มีใบอนุญาตก็ใช่ว่าไว้ใจได้เลย
คุณต้องเช็คด้วยว่าใบอนุญาตเหล่านั้นมาจากหน่วยงานไหน เชื่อถือได้ไหม
เช่นหากเห็นว่าโบรกเกอร์อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานใหญ่ ๆ อย่าง NFA,
FSA, CFTC คุณก็สบายใจได้
เพราะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่ง
ทั้งนี้ต้องดูด้วยนะว่าใบอนุญาตที่ถืออยู่เป็นของจริงรึเปล่า
ทางทีดีไปเช็คจากเว็บไซต์ของหน่วยงานเลย
แต่ทางที่ง่ายและสะดวกที่สุดคือเอาชื่อโบรกเกอร์ไปค้นหาในแอป WikiFX ได้เลย
เราตรวจสอบให้แล้วว่าใบอนุญาตเหล่านั้นเป็นของจริงรึเปล่า!
อย่าตกหลุมพรางการตลาดของโบรกเกอร์ Forex
เมื่อไหร่ที่คุณเห็นโปรโมชันล่อตาล่อใจเกินจริงของโบรกเกอร์
การันตีผลตอบแทนสูง ได้ผลตอบแทนครั้งแรกหลังจากการซื้อขายเพียงหนึ่งสัปดาห์
ได้กำไร 100% ถ้าเจอคำพูดเหล่านี้ให้คิดไว้เลยว่านั่นอันตราย
เพราะคุณไม่มีทางได้กำไรจาก Forex ถ้าไม่ศึกษา ลองผิดลองถูก และฝึกฝนมากพอ
เคล็ดลับที่ดีที่สุดคือการดูผลประกอบการของพวกเขา ระดับการซื้อขาย
รีวิวจากผู้ใช้จริงต่างหาก
โบรกเกอร์ที่มีมาตรฐานแทบไม่ต้องโน้มน้าวอะไรเกินจริงเลยด้วยซ้ำ
ถ้าดีจริงยังไงก็มีลูกค้า ถ้าอยากดูรีวิวผู้ใช้งานจริง ๆ คือไปดู
“การเปิดเผย” ในแอป WikiFX ได้เลย
กดค้นหาโบรกเกอร์นั้นก็เห็นแล้วว่ามีเทรดเดอร์เคยโดนโกงจากโบรกนั้นรึเปล่า
บอกเลยว่าโบรกเกอร์แย่ ๆ ชอบทำเว็บไซต์สวย ๆ ออกแบบอย่างมีสไตล์
เรียบหรูดูดี เพื่อตบตาเทรดเดอร์ คุณอย่าไปเชื่อในความสวยงาม
คุณต้องดูรายละเอียดเว็บไซต์ ดูข้อมูลเชิงลึกมากกว่า เช็คว่า link
ตรงกับที่ระบุไว้ในใบอนุญาตหรือไม่ ข้อมูลต่าง ๆ
บนเว็บไซต์เชื่อถือได้หรือไม่ มีระบบการให้บริการ การช่วยเหลือที่ดีหรือไม่
ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลสำนักงานที่ตั้งเป็นอย่างไร
เพราะบางทีเว็บไซต์พร้อมอินโฟกราฟิกที่สวยงาม
ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลที่มีค่าจริง ๆเลย
การบอกต่อแบบปากต่อปากในยุคนี้คือง่ายเหลือเกิน
ยุคนี้มีช่องทางมากมายที่ให้เทรดเดอร์ทุกคนที่เคยมีประสบการณ์ในอดีตได้แบ่งปันข้อมูลกัน
ประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงนี่แหละที่จะบอกเราได้ว่าโบรกเกอร์ไหนแย่ที่สุด
ถ้าคนจำนวนมากพูดตรงกันก็ให้พิจารณาได้เลยว่ามีโอกาสเสี่ยง
ถ้ายังไม่รู้จะไปคุยที่ไหนเราขอแนะนำเว็บบอร์ดในแอป WikiFX เลย
คุณสามารถคุยเรื่อง Forex โดยเฉพาะได้เลย มีเทรดเดอร์รออยู่มากมาย
รู้หรือไม่ว่า WikiFX แอปตรวจสอบโบรกเกอร์ Forex ทั่วโลก
มีข้อมูลทุกอย่างที่คุณต้องเช็ค จาก 4 ข้อที่กล่าวมา
สามารถดูได้ที่แอปนี้ที่เดียวเลย
และที่สำคัญเรายังมีการจัดอันดับโบรกเกอร์ดี โบรกเกอร์ที่ไม่น่าไว้วางใจ
ดูได้เลยทันที ทั้งนี้ยังมีอัพเดตข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของโบรกเกอร์ Forex
กันรายวันเลยทีดี แอบบอกเลยนะว่าโหลดฟรี!! โหลดเลยตอนนี้!!
“การถ่างสเปรดผมว่ามันเหมือนการโกงใครคิดเหมือนผมบ้างครับ”
ปัญหาโลกแตกเลยนะเนี่ย ก็ค่าสเปรดโบรกเกอร์ Forex อะมันเปลี่ยนแปลงตลอด
แต่บางทีก็ถ่างจนน่าเกลียดเกิ๊น
จนเทรดเดอร์รายหนึ่งต้องไปตั้งคำถามนี้บนกลุ่ม “เทรด Forex ไปด้วย
ทำงานประจำไปด้วย...รวยมากมาย” มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพียบ
พวกเขาคิดยังไงไปดูกันTo get more news about
ค่าสเปรด, you can visit wikifx.com official website.
ค่าสเปรดนี่พูดง่าย ๆ คือมันก็เป็นค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์นั่นแหละ แพง
ถูก ก็ต่างกันไป
ต้องบอกว่าส่วนมากเห็นตรงกันนะว่าการถ่างค่าสเปรดเป็นเรื่องปกติ
แล้วก็เป็นเงื่อนไขที่เรารับรู้แต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้นไม่น่าจะโกงนะ
“ช่วงที่คนซื้อขายน้อยค่าธรรมเนียมจะสูง ช่วงที่คนซื้อขายเยอะ เช่น 2
ทุ่มขึ้นไป ค่าธรรมเนียมก็จะต่ำ สเปรดจึงมีถ่างมีแคบเป็นเรื่องปกติ”
“ผมมองเป็นเรื่องปกติครับ จะซื้อขายก็ต้องมีฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์
ถึงจะไม่ได้เทรดโดยตรง อย่างน้อย ๆ ก็ได้จากส่วนต่างค่าสเปรดนี่แหละ
แต่บางทีก็ถ่างเกินจนน่าเกลียด 555+”
“เทรดนานๆแล้วจะชินครับ...ให้มองว่าเป็นเรื่องปกติ
เหมือนเราใช้ชีวิตกับแบคทีเรียต่าง ๆ ฝุ่นละออง เชื้อรา ฯลฯ
เราต้องอยู่กับมันไปตลอด คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอครับ
หรือถ้าอยากตัดปัญหานี้ ผมแนะนำให้ลองเทรดยาวๆครับ ดู เราจะไม่สนใจสเปรดเลย
คนเทรดยาวจะมองข้ามสเปรดแล้วสนใจแค่กำไรในภาพรวมใหญ่ ๆ ครับ
เป็นกำลังใจให้ สู้ ๆ ครับ” “แบบนี้หาโบรกเทรดยากเลยครับ
เป็นทุกโบรก...ทุกโบรกเขาก็ต้องทำมาหากินครับ
เราต้องอยู่ให้ได้ภายใต้เงื่อนไขของเขา เรามีสิทธิ์เลือก
อันไหนไม่แฟร์ค่อยว่ากันครับ”
ความเห็นเหล่านี้พูดไว้ดีนะ ค่อนข้างจะครบถ้วนด้วย
คือโบรกเกอร์มีรายได้จากค่าสเปรดนี่แหละ
แล้วเทรดเดอร์ก็เป็นคนเลือกเองว่าอยากเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดแบบไหน
หากศึกษาไปเรื่อย ๆ
หัดไปจนเชี่ยวชาญก็น่าจะพอรู้ว่าค่าสเปรดแบบไหนที่เรารับได้เป็นปกติ
หรือค่าสเปรดแบบไหนที่ไม่ชอบมาพากลแล้วนะ
ปัจจุบันนี้มีโบรกเกอร์มากมายเกิดขึ้น ทำให้มีการแข่งขันกันอย่างมาก
ดังนั้นโบรกเกอร์ก็ต้องพยายามทำให้ตัวเองมีข้อดี มีจุดเด่นเยอะ ๆ
เพื่อดึงดูดลูกค้า
และถ้ามีข้อเสียมากเท่าไหร่ลูกค้าก็จะยิ่งมีน้อยลงไปเท่านั้น
ลูกค้าเมื่อเห็นว่าโบรกไหนไม่ดีก็สามารถเปลี่ยนใจไปใช้อีกโบรกได้ทันที
เป็นสาเหตุให้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะไม่โกงหรือเอาเปรียบลูกค้าแบบโต้ง ๆ
แต่ถ้ารู้ตัวว่าตัวเองโดนเอาเปรียบก็รีบเปลี่ยนโบรกเลย เรามีทางเลือก!
(ทั้งหมดนี้พูดในกรณีของโบรกเกอร์ Forex ที่มีใบอนุญาตนะ ถ้าไม่มี
ถ่างหรือไม่ถ่างค่าสเปรดเราจะนับว่านั่นเสี่ยงโดนโกงอยู่แล้ว)
ในปี 1985 Bill Lipschutz รายได้สุทธิของเค้าเป็น 1 ใน 5 ของ Trader Forex
ทั้งหมดในโลก สามารถทำเงินได้ 300 ล้านดอลลาร์ต่อปี
แม้ว่าเขาจะไม่มีประสบการณ์ด้านการเทรดเงินตราต่างประเทศเลยด้วยซ้ำ
Lipschutz ถูกขนานนามว่าเป็นสุลต่านแห่งการเทรดสกุลเงิน
มารู้จักเค้าคนนี้ไปพร้อมกัน Lipschutz เกิดในปี ค.ศ.1956
จากหนุ่มนักศึกษาสถาปนิก ผู้หลงใหลในการลงทุน ปัจจุบันกลายเป็น Billionaire
Trader โดยเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหารการลงทุน Hathersage
Capital Management.To get more news about
เทรดเดอร์รวย, you can visit wikifx.com official website.
Lipschutz สร้างอาณาจักรการเทรดของตนเอง โดยไม่ต้องมีพื้นฐานการซื้อขายใด
ๆ เขาเล่นเทนนิส วิจิตรศิลป์ และ สถาปัตยกรรม
สิ่งเดียวที่เขาที่ใกล้เคียงการเทรดมากที่สุดคือความรักในคณิตศาสตร์
Lipschutz เคยศึกษาที่ Cornell University
เมื่อคุณยายของเขาเสียชีวิตได้ทิ้งมรดกไว้ให้คือ หุ้นมูลค่า 12,000 ดอลลาร์
เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมัน ดังนั้นเขาจึงเริ่มศึกษาเรียนรู้
แม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จกับหุ้นเหล่านี้
เขาได้เรียนรู้บทเรียนการตลาดที่มีค่ามากมาย และตัดสินใจที่จะลอง Forex
Lipschutz เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมซาโลมอนบราเดอร์ Forex
ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่
และนี่คือจุดเริ่มต้นของอาชีพนักเทรดชื่อก้องโลกคนนี้
ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จ เขาเคยสูญเสียเงิน 250,000 ดอลลาร์ (ประมาณ
7.8 ล้านบาท) จากการเทรด ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับหลายคน
อย่างไรก็ดีในช่วงปี 1985
เขาสามารถกลับมาพลิกลิขิตชีวิตตัวเองกลายมาเป็นสุลต่านแห่งการเทรดสกุลเงิน
โดยเขาได้บรรยายตลาด Forex
ว่าเป็นตลาดที่มีจิตวิทยาอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก
เขาก็เหมือนกับเทรดเดอร์ Forex ที่ประสบความสำเร็จคนอื่น ๆ
ที่เชื่อว่าความคิดเห็นของผู้ทำกิจกรรมในตลาดเป็นตัวกำหนดรูปแบบราคาพอ ๆ
กับปัจจัยพื้นฐาน
Lipschutz ยังเห็นด้วยกับความคิดเห็นของ Druckenmiller
ที่ว่าเมื่อคุณจะเป็นเทรดเดอร์ Forex ที่ประสบความสำเร็จ
มันไม่ได้อยู่ที่ว่าเทรดถูกทางหรือไม่
เพราะส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะเทรดผิดสวนทางกับตลาดอยู่บ่อยครั้ง
แต่ให้ไปโฟกัสตรงจุดที่ว่าเมื่อคุณเทรดถูกทางแล้ว จะทำอย่างไรให้ได้กำไรสัก
20-30% หลักการสำคัญของ Lipschutz ได้แก่ไม่ว่าจะใช้แนวทางการเทรดใด ๆ
จะต้องมีการวิเคราะห์อย่างสมเหตุสมผลก่อนที่จะวางคำสั่งเทรด
- เปิดสถานะเมื่อตลาดดำเนินไปในทิศทางที่ต้องการเทรดและออกจากตลาดเมื่อไม่ได้ผล
- ค่อย ๆ ถอนการลงทุนเมื่อเห็นสัญญาณด้านปัจจัยพื้นฐานและเห็นว่าพฤติกรรมราคาเริ่มจะเปลี่ยนแปลง
- ต้องเฝ้าติดตามตลาดอยู่เสมอ ตลาด Forex เป็นตลาดที่เปิดทำการ 24 ชั่งโมง และไม่หยุดทำการแม้คุณจะเข้านอนไปแล้วก็ตาม
- ต้องมีการบริหารความเสี่ยง ควรกำหนดขนาดการเทรดให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้ถูกปิดสถานะโดยอัตโนมัติ
เรื่องราวของ Bill Lipschutz แสดงให้เห็นแล้วว่าคนธรรมดา
ไม่ได้จบด้านการเงินโดยตรง ไม่ได้เป็นอัจฉริยะ แต่ถ้าตั้งใจศึกษา
กล้าที่จะทดลอง และไม่เลิกล้มง่าย ๆ
ก็กลายมาเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้ ถ้าคน “ธรรมดา”
กลายมาเป็นตำนาน Forex ได้คุณก็ทำได้เช่นกัน ติดตามเรื่องราวดี ๆ
แรงบันดาลใจจากตำนานนักลุงทุนทั่วโลก และบทความด้านการลงทุนได้ทุกวันแบบฟรี
ๆ แค่มีแอป WikiFX โหลดเลยนะ โหลดฟรี!
On the face of it, the case for EUR/USD weakness is compelling. The US
is way ahead of the EU in vaccinating its people against the Covid-19
virus, the US economy will therefore recover faster than the Eurozones
and it will tighten monetary policy first: giving the US Dollar a boost
against a struggling Euro.To get more news about
WikiFX, you can visit wikifx.com official website.
However, markets are rarely that simple. First, the policy-making
Federal Open Market Committee made it very clear after its April meeting
that it is not time yet to even discuss rolling back its emergency
support for the US economy even though the economic outlook has
brightened and price pressures will likely increase. Indeed, while
stimulus will be slowly withdrawn in advance, market pricing does not
suggest an increase in US interest rates until the end of next year even
though US President Joe Biden is also planning a huge $1.8 trillion
fiscal stimulus package.
Yes, the European Central Bank is not expected to raise rates until
even further into the future, but market pricing has already adjusted
accordingly. Moreover, if the global market mood improves further as a
tapering of US monetary stimulus nears, the result might not be USD
strength but weakness as the currency loses its safe-haven appeal and
investors opt for so-called “risk-on” assets including the Euro.
This more optimistic tone can be seen already in the chart below of
the spread between the currently positive yield on the benchmark 10-year
US Treasury note and the still negative yield on the 10-year German
Bund, the bellwether for the Eurozone. This spread has narrowed in
recent months from more than 200 basis points to less than 190 basis
points, removing some of the advantage in parking funds in the US money
markets rather than the Eurozones.
As a result, some members of the ECB‘s Governing Council are sounding
more hawkish than ECB President Christine Lagarde, suggesting that a
debate will soon start within the policymaking body – if it hasn’t
already – about when to begin reducing its pandemic emergency purchase
program (PEPP). Note too that the German Constitutional Court has paved
the way for Berlin to ratify the EUs €750 billion recovery fund after
its judges said they had not found any indication that approval would be
unconstitutional. As the chart below shows, this has boosted EUR/USD
already but it remains well below the highs just under 1.2350 reached at
the start of this year.
More signs of a Eurozone recovery as the coronavirus pandemic is brought
under control in the area abound. France, Italy and Greece have all
moved to ease the restrictions imposed to curb the pandemic, while Spain
and Portugal have both signaled their readiness to welcome British
tourists under an EU covid vaccine certificate plan.
Further ahead, there are concerns amongst some Euro bulls about German
elections due on September 26. The fear for the markets is that the
Greens‘ candidate for Chancellor, Annalena Baerbock, could win the race
to succeed the retiring Angela Merkel. However, spread-betting companies
still favor the more conservative Armin Laschet from Merkel’s CDU/CSU
so those fears will probably prove unfounded, removing one possible
barrier to EUR/USD strength.
Central banks are mainly responsible for maintaining inflation in the
interest of sustainable economic growth while contributing to the
overall stability of the financial system. When central banks deem it
necessary they will intervene in financial markets in line with the
defined “Monetary Policy Framework”. The implementation of such policy
is highly monitored and anticipated by forex traders seeking to take
advantage of resulting currency movements.To get more news about
WikiFX, you can visit wikifx.com official website.
This article focuses on the roles of the major central banks and how their policies affect the global forex market.
WHAT IS A CENTRAL BANK?
Central Banks are independent institutions utilized by nations around
the world to assist in managing their commercial banking industry, set
central bank interest rates and promote financial stability throughout
the country.
Central banks intervene in the financial market by making use of the following:
Open market operations: Open market operations (OMO) describes the
process whereby governments buy and sell government securities (bonds)
in the open market, with the aim of expanding or contracting the amount
of money in the banking system.
The central bank rate: The central bank rate, often referred to as the
discount, or federal funds rate, is set by the monetary policy
committee with the intention of increasing or decreasing economic
activity. This may seem counter-intuitive, but an overheating economy
leads to inflation and this is what central banks aim to maintain at a
moderate level.
Central banks also act as a lender of last resort. If a government has
a modest debt to GDP ratio and fails to raise money through a bond
auction, the central bank can lend money to the government to meet its
temporary liquidity shortage.
Having a central bank as the lender of last resort increases investor
confidence. Investors are more at ease that governments will meet their
debt obligations and this heps to lower government borrowing costs. The
Federal Reserve Bank or “The Fed” presides over the most widely traded
currency in the world according to the Triennial Central Bank Survey,
2016. Actions of The Fed have implications not only for the US dollar
but for other currencies as well, which is why actions of the bank are
observed with great interest. The Fed targets stable prices, maximum
sustainable employment and moderate long-term interest rates.
The European central bank (ECB) is like no other in that it serves as
the central bank for all member states in the European Union. The ECB
prioritizes safeguarding the value of the Euro and maintaining price
stability. The Euro is the second most circulated currency in the world
and therefore, generates close attention by forex traders.
The Bank of England operates as the UKs central bank and has two
objectives: monetary stability and financial stability. The UK operates
using a Twin Peaks model when regulating the financial industry with the
one “peak” being the Financial Conduct Authority (FCA) and the other
the Prudential Regulating Authority (PRA). The Bank of England
prudentially regulates financial services by requiring such firms to
hold sufficient capital and have adequate risk controls in place.
The Bank of Japan has prioritized price stability and stable
operations of payment and settlement systems. The Bank of Japan has held
interest rates below zero (negative interest rates) in a drastic
attempt to revitalize the economy. Negative interest rates allow
individuals to get paid to borrow money, but investors are
disincentivised to deposit funds as this will incur a charge.
Central banks have been established to fulfil a mandate in order to
serve the public interest. While responsibilities may differ between
countries, the main responsibilities include the following:
1) Achieve and maintain price stability: Central banks are tasked with
protecting the value of their currency. This is done by maintaining a
modest level of inflation in the economy.
2) Promoting financial system stability: Central banks subject
commercial banks to a series of stress testing to reduce systemic risk
in the financial sector.
3) Fostering balanced and sustainable growth in an economy: In
general, there are two main avenues in which a country can stimulate its
economy. These are through Fiscal policy (government spending) or
monetary policy (central bank intervention). When governments have
exhausted their budgets, central banks are still able to initiate
monetary policy in an attempt to stimulate the economy.
4) Supervising and regulating financial institutions: Central banks
are tasked with the duty of regulating and supervising commercial banks
in the public interest.
5) Minimize unemployment: Apart from price stability and sustainable
growth, central banks may have an interest in minimising unemployment.
This is one of the goals from the Federal Reserve.
CENTRAL BANKS AND INTEREST RATES
Central banks set the central bank interest rate, and all other
interest rates that individuals experience on personal loans, home
loans, credit cards etc, emanate from this base rate. The central bank
interest rate is the interest rate that is charged to commercial banks
looking to borrow money from the central bank on an overnight basis.
This effect of central bank interest rates is depicted below with the
commercial banks charging a higher rate to individuals than the rate
they can secure with the central bank.
Commercial banks need to borrow funds from the central bank in order to
comply with a modern form of banking called Fractional Reserve Banking.
Banks accept deposits and make loans meaning they need to ensure that
there is sufficient cash to service daily withdrawals, while lending the
rest of depositors money to businesses and other investors that require
cash. The bank generates revenue through this process by charging a
higher interest rate on loans while paying lower rates to depositors.
Central banks will define the specific percentage of all depositors
funds (reserve) that banks are required to set aside, and should the
bank fall short of this, it can borrow from the central bank at the
overnight rate, which is based on the annual central bank interest rate.
FX traders monitor central bank rates closely as they can have a
significant impact on the forex market. Institutions and investors tend
to follow yields (interest rates) and therefore, changes in these rates
will result in traders channelling investment towards countries with
higher interest rates.
Sentiment may have a chance to recovery Wednesday following a
better-than-expected jobs report out of New Zealand. According to the
Economic Calendar, New Zealand reported an employment change of 0.6%
quarter-over-quarter versus an expected 0.3% for the three months ending
March. The unemployment rate fell to 4.7% versus the 4.9% forecast. The
better-than-expected print could further reduce the RBNZs dovishness on
policy moving forward.To get more news about
WikiFX, you can visit wikifx.com official website.
New Zealand‘s job report was preceded by a financial stability report
from the Reserve Bank of New Zealand (RBNZ), which stated the island
nation’s economy has fared better than initially forecasted. Although
the report did also note that vulnerabilities in the financial system
persist. Elsewhere, The Australian Dollar received some positive news
through an upgraded final services PMI print for April, rising to 58.8
from 55.5 in the preliminary reading.
WEDNESDAY‘S ASIA-PACIFIC OUTLOOK
Asia-Pacific markets may still move lower following a gloomy Tuesday
on Wall Street that saw technology stocks lead indexes lower.
Asia-Pacific markets may get off to a rough start if the downbeat
sentiment on Wall Street cascades into broader sentiment. The Nasdaq 100
index (NDX) sank nearly 2%, and the market’s fear gauge VIX index
recorded a gain of about 6.4%. The selloff stemmed from US Treasury
Secretary Janet Yellen's commentary, stating rates may have to rise to
prevent the economy from overheating.
The comments from the Treasury Chief are in direct conflict with
recent Fed talk, but some believe she was referencing market interest
rates and not the Federal Reserves benchmark rate used to spur or slow
economic growth. Nonetheless, the market reaction shows just how
sensitive investors are to any proposed rate increases.
The US Dollar also took notice of Ms. Yellens comments, pushing the
DXY higher. Risk-sensitive currencies were overly impacted, however,
with the Australian Dollar and New Zealand Dollar both sinking near a
full percentage point versus the Greenback. Treasury markets were not
spared from the seemingly hawkish comments from the former Fed Chair,
which pushed yields lower on the longer-dated side of the curve.
Chinese stock markets will remain closed on Wednesday for the labor
day holiday. While mainland Chinese markets will be closed, Hong Kong‘s
Hang Seng Index (HSI) will be open for trade and perhaps looking to
extend gains from Tuesday when the index recorded a 0.70% move higher.
China will see some potentially hard-hitting economic data later this
week as investors look toward trade data and PMIs from the world’s
second-largest economy.
NZD/USD TECHNICAL ANALYSIS
The Kiwi Dollars move lower against the US Dollar has put NZD/USD in a
defensive stance against its 20-day Simple Moving Average (SMA). The
recently supportive 100-day SMA was also breached, but the currency pair
recaptured the SMAs following the jobs report.
The 61.8% Fibonacci retracement also appeared to deflect further
downside and could step in as support again on the next move lower. That
move lower may be on the cards, with MACD turning lower after crossing
below its signal line, a bearish sign.
Gold prices rose slightly during Wednesday‘s APAC trading session
after falling nearly 0.8% a day ago. US Treasury Secretary Janet Yellen
clarified that she wasn’t trying to predict interest rate hikes to rein
in inflation pressure following a hawkish-biased comment on Tuesday.
Markets have perhaps over-reacted on her earlier words, underscoring the
fragility of risk assets amid fears about tapering Fed stimulus. A
stronger US Dollar index pulled gold prices lower on Tuesday before
giving up some gains. This could provide a basis for gold to recover
some lost ground and move higher.To get more news about WikiFX, you can visit wikifx.com official website.
The recent rise in base metal, energy and agriculture prices has
led to higher inflation expectations, which may boost the appeal of gold
as a perceived inflation hedge. Signs of quickening price growth have
pulled real yields (nominal yield – inflation) lower this week. The rate
of the 10-year inflation-indexed security fell 6bps to -0.84% from
-0.78% seen last Friday. Lower real yields may serve as a positive
catalyst for gold prices, as the opportunity cost of holding the
non-interest-bearing metal decreases.
Although recent robust US economic data pointed to a
stronger-than-expected recovery, the outlook remains clouded by a third
viral wave that hit many other parts of the world. This could lead to
weaker overseas demand, delays in economic reopening and supply chain
disruptions. Against this backdrop, the Federal Reserve may continue to
adopt accommodative monetary policy until its long-term inflation and
employment targets are met. The central banks dovish stance is backed by
Fed Chair Jerome Powell and President of the New York Fed John
Williams, both of whom said it is still far to consider tightening.
Looking ahead, the US ADP private payrolls report will be closely eyed
alongside several speeches from Fed official today. Thursday‘s BoE
interest rate decision and Friday’s US nonfarm payrolls print will also
be watched by gold traders for clues about inflation and the strength of
the US Dollar. Higher-than-expected job creation may strengthen yields
and the US Dollar, potentially weighing on precious metal prices. The
reverse may be true if the numbers disappoint. Find out more from the
DailyFX calendar.
Technically, gold has likely entered an “Ascending Channel” as
highlighted on the chart below. An upward channel is formed by
consecutive higher highs and higher lows and can be easily recognizable
as a trending market. The ceiling and the floor of the channel can be
viewed as immediate resistance and support levels respectively.
On the gold chart, the “Ascending Channel” is part of a larger
“Double Bottom” pattern, which hints at further upside potential. A key
resistance level can be found at US$ 1,800, breaking above which would
likely intensify near-term buying pressure and carve a path for price to
challenge US$ 1,818 – the 5
Man City officially unveil 2020/21 puma third kit
Manchester City have officially launched their puma third kit for the 2020/21 season.Get more news about Cheap Soccer Windbreaker,you can vist futbolucl!
Following on from the release of the new home and away kits City finally unveiled the strip they will be wearing during some away matches next season.City's new third kit has a white base with sky blue Paisley floral patterns on the front and sleeves, a tribute to Manchester's iconic music scene.
"The new Manchester City Third Kit celebrates the rich music and fashion culture of the city by creating a bespoke paisley pattern that features details of the club’s crest," the club website reads.
"The pattern is synonymous with artists from the ‘Mod’ and the ‘Brit Pop’ eras of the 1990’s and was a staple of youth fashion in the 1960’s, influencing fashion and music culture in Manchester for generations."To celebrate the new kit launch City have announced everyone who purchases the new shirt from the stadium CityStore will be able to chose between a free copy of Killing The Game , a book covering every detail of the last decade of the club, or a 125 anniversary Mish Mash poster.
The CityStore store will have extended opening hours between 9am-6pm on Thursday 27 August, Friday 28 and Saturday 29 to celebrate the launch of the new third kit.
Leaked Arsenal kits 2021/22
Arsenal fans may already have a good idea of what their new shirts will look like ahead of the new season.Get more news about Replica Soccer Jersey,you can vist futbolucl!
The Gunners have had some interesting designs down the years, some good, some not so good, but whatever the case, there is no taming the excitement around the upcoming kits for the new season.There have been several leaks, and even one with the shirt in physical form, suggesting it might just be the one the Gunners players are wearing come next season.
It features white sleeves and white columns under the arm with navy Adidas stripes on the shoulder, as well as a navy trim on the collar.The latest leaked away shirt is an interesting take on the 1989 away shirt which featured the cannon as the logo.
This leak uses the same, but rather than being all-out yellow, it's a pale version of the colour, and the sleeves only have a navy trim rather than being all navy, as they were on the old design.
Nevertheless, with the yellow and the cannon logo, this throwback edition would score plenty of brownie points if it were to be released.Another throwback to an iconic kit, the third kit for the coming season, leaks suggest, could be based on the 1994 and 95 away kits, which were both blue.
Both were zig-zag in nature with one having two large zig-zags and the other having many throughout the shirt.By signing up for our Arsenal newsletter, you will receive a twice-daily email, focused on all the latest news from the Emirates Stadium.
And, not only that, but you will get exclusive content from our club writers Chris Wheatley and Kaya Kaynak before anyone else.